วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

พลังแห่งบุญ

ยินดีต้อนรับเข้าสู่บล็อค บอกต่อ ครับ บล็อค ที่รวบรวมเรื่องราวต่าง ๆ ที่เพื่อน ๆ ได้ส่งมาให้ผมได้อ่านกันครับ
วันนี้ก็เช่นเคยครับ มีเรื่องราวดี ๆ ของ มิสเตอร์ แซนวิช มาฝาก หลาย ๆ ท่านคงจะรู้จักมิสเตอร์แซนวิชดี จากปัญหาพิษเศรษฐกิจฟองสบู่แตกเมื่อปี พ.ศ. 2540 ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศล้มมากมาย หลายคน เครียดจนฆ่าตัวตาย แต่มีคนหนึ่ง ลุกขึ้นสู้ ด้วยการทำแซนวิชขาย
เราลองมาดูถึง แนวทางการดำเนินชีวิต และวิธีคิดของเขากันดู


MR. SANDWICH OF THAILAND"

ถ้าวันนี้ยังรวยอยู่คงไม่รู้จักการทำบุญ
ศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ กับ..ปฏิหาริย์ล้างหนี้เกือบพันล้าน

"ศิริวัฒน์แซนด์วิช"ได้เริ่มออกสู่ตลาดในวันแรก (๒๐เมษายน ๒๕๔๐) เพียง๒๐ ชิ้นโดยมีสัญลักษณ์เป็นรูปเงินบาทลอยตัวกับลูกบอลลูนนั้น ปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกแล้วโดยผ่านสำนักข่าวโทรทัศน์ต่างประเทศ เช่น CNN, BBC World, CNBC, NHK รวมทั้งสื่อมวลชนในประเทศต่างขนานนามให้แก่นายศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ ว่า "THE SANDWICH MAN" และ"MR. SANDWICH OF THAILAND โดยก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นนายหน้าค้าหลักทรัพย์ (กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์เอเชีย จำกัด หรือ บริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส จำกัด(มหาชน) ในปัจจุบัน) และนักลงทุนที่มีชื่อเสียงในตลาดหุ้น เขาเคยทำกำไรจากตลาดหุ้นมากมาย จนกระทั่งตลาดหุ้นตกต่ำลงพร้อมกับโครงการคอนโดมิเนียมหรูในปี ๒๕๔๐ พนักงานที่เหลืออยู่กับเขาจำนวน ๒๐ คนได้แจ้งความประสงค์ที่จะทำงานอยู่กับเขา ทั้งๆที่เขาได้สูญเสียเครดิตทางด้านการเงินพร้อมกับความร่ำรวย "ตอนผมอายุ ๔๘ ปี ผมมีหนี้สินเกือบพันล้าน แต่วันนี้ผมอายุ ๕๙ ปี หนี้สิ้นหมดไป และชีวิตผมกลับจะมามีอนาคตอีกครั้ง นี่คือปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่ในชีวิตของผม" นี่คือคำยืนยันของนายศิริวัฒน์

จากประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกันชนิดที่เรียกว่าหน้ามือกับหลังเท้านั้น นายศิริวัฒน์ บอกว่า

ถ้าวันนี้ยังรวยอยู่คงไม่เข้าใจสัจจะธรรมชีวิต คงไม่รู้จัก
การทำบุญ ไม่รู้จักการให้ทาน รวมทั้งการช่วยเหลือคน
ในสังคมระดับรากหญ้าคงไม่อยู่ในความคิด สิ่งทำให้ชีวิตก้าว
พ้นช่วงวิฤติของชีวิต คือ ธรรมะของพระพุทธเจ้าในหัวข้อที่ ว่า

อตฺตาหิ อตฺตโน นาโถ. ซึ่งหมายถึง ตนเป็นที่พึ่งแห่งคน อย่าคิดขอความช่วยเหลือใครหากตัวเอง
ยังไม่เริ่มพยายามดิ้นรน และไขว่คว้าด้วยตัวเอง ก้าวทุกก้าวมีอุปสรรคขวากหนาม ช่วยให้เราแข็ง
แรงขึ้น อยู่กับตนเอง ทำหน้าที่ของตนให้ดี และหัวข้อธรรมอีกหัวข้อหนึ่ง อนิจจังทุกขัง อนัตตา
ซึ่งหมายถึง ความไม่แน่นอน คือความแน่นอน ทุกอย่างไม่เที่ยง นอกจากนี้แล้วนายศิริวัฒน์ยังยึดหลักคำสอนของเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต
อดีตเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส ที่ว่า คนเราเกิดมามีลาภ มีเสื่อมลาภ
มียศ มีเสื่อมยศ มีสุข มีทุกข์ มีสรรเสริญ มีนินทา เป็นของคู่กัน จะไปถืออะไร
กับปากมนุษย์ถึงจะดีแสนดีมันก็ติ ถึงจะชั่วแสนชั่ว มันก็ชม แม้แต่พระพุทธเจ้า
ผู้ประเสริฐเลิศยิ่งกว่ามนุษย์และเทวดา ยังมีมารผจญ มีคนตำหนิติเตียน คน
ธรรมดาอย่างเราจะรอดพ้นไปได้อย่างไร

ได้แง่คิดว่าเขาจะติก็ช่างชมก็ช่าง เราไม่ได้ทำให้เขาเดือดเนื้อร้อนใจ ก่อนที่จะทำอะไร เราคิดแล้วว่า
จะไม่เดือดร้อนกับตัวเรา และคนอื่น เราจึงทำ จะนินทาติเตียนใส่ร้ายอย่างไรก็ช่างเขา บุญเราทำ กรรม
เราไม่สร้าง สงบกายสงบวาจา สงบใจ จะต้องไปกังวลกลัวใครจะตำหนิติเตียนไปทำไม ไม่เห็นมีประโยชน์
เปลืองความคิดเปล่าๆ ส่วนคำสอนอีกคำสอนหนึ่งที่นายศิริวัฒน์ยึดปฏิบัติมาตลอด คือ

คำสองของหลวงปู่มั่นที่นำมาใช้มีอยู่ ๓ ประโยค คือ

๑.สิ่งที่ล่วงไปแล้วไม่ควรไปทำความผูกพัน

๒.อนาคตที่ยังมาไม่ถึงก็ไม่ควรยึดเหนี่ยวเกี่ยวข้องเช่นกัน และ

๓.ปัจจุบันเท่านั้นที่จะสำเร็จเป็นประโยชน์ได้

"สิ่งหนึ่งที่รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งคือ มอบหนังสือสวดมนต์ให้ลูกค้าที่ซื้อครบ ๒๐๐ บาท ทั้งนี้
ได้ออกแบบให้เหมาะกับการใส่กระเป๋า สามารถอ่านได้ทุกเวลาโดยเฉพาะขณะนั่งรถเมล์ ซึ่ง
ไม่น่าเชื่อเลยว่าวันนี้มีผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง มาบอกว่า คุณศิริวัฒน์เล่มนี้ดีมาก เดี๋ยวนี้ท่องได้
หลายบทแล้ว รวมทั้งหนังสือจัดทำหนังประวัติสมเด็จพระเจ้าตากสินโดยได้รวบรวมข้อมูล
มาจากที่ต่างๆ เพื่อเทิดพระเกียรติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ได้ทรงกอบกู้เอกราช
๗ พฤศจิกายน ๒๓๑๐ โดยสมนาคุณลูกค้า ลูกค้าซื้อครบ ๕๐๐ บาท พร้อมกับเหรียญสมเด็จ
พระเจ้าตากสิน"
นายศิริวัฒน์กล่าว
เมื่อถามถึงสิ่งยึดเหนียวทางจิตใจนายศิริวัฒน์ บอกว่า ในอดีตตอนเด็กๆ คุณแม่ให้พระหลวงปู่ทวด
มาห้อยองค์หนึ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนไปแขวนพระนางพญา แต่วันนี้ห้อยเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสิน
มหาราองค์เพียงองค์เดียว ด้วยเหตุที่ว่าตอนเด็กๆ เราเรียนประวัติศาสตร์ นับถือท่านมาตลอด
ถ้าวันนั้นไม่มีคนชื่อพระเจ้าตาก วันนี้ไม่มีประเทศไทย ป่านี้ประเทศไทยคือส่วนหนึ่งของพม่า
เราคงเป็นหม่องโน้นหม่องนี้ไปแล้ว นอกจากนี้ยังศรัทธานับถือสมเด็จพระนเรศวรที่กู้ชาติจาก
พม่าได้เมื่อกว่า ๔๐๐ ปีที่แล้ว
"มีอะไรผมก็สวดบทอาราธนาดวงพระวิญญาณของท่านมีคนเขาบอกผมว่าท่านศักดิ์สิทธิ์
ท่านเป็นคนจีน ท่านค้าขาย เหมาะสำหรับค้าขาย ก็เลยใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยว เพราะเราค้าขาย
ตั้งแต่ห้อยท่านมา เรามีความรู้สึกมั่นใจ เราจะดำเนินการสิ่งใด เรานึกถึงท่าน จริงๆ ไม่ได้นึก
ถึงหน้าท่านตรงนี้ นึกถึงหน้าท่านที่อนุสาวรีย์ที่วงเวียนใหญ่ โดยได้ไปถ่ายรูปโคลสอัพ ผมมี"
นี่คือพลังศรัทธาในองค์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชของนายศิริวัฒน์ และจากพลังศรัทธา
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สิ่งหนึ่งที่นายศิริวัฒน์ ทำมาอย่างต่อเนื่อง คือ ให้ทุนการศึกษา
ลูกหลานพระเจ้าตากที่จันทบุรี โดยตั้งเป็นกองทุนเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
แรกเริ่มมีนักธุรกิจใหญ่ท่านหนึ่งได้ประเดิมศรัทธา ๕๐,๐๐๐ บาท
พร้อมกันนี้นายศิริวัฒน์ยังบอกด้วยว่าทุกๆเช้าจะท่องคาถาซึ่งเป็นบทกลอนของสมเด็จพระเจ้า
ตากสินมหาราชบทกลอนที่ว่า คือ อันตัวพ่อชื่อว่า พระยาตาก ทนทุกข์ยาก กู้ชาติ พระศาสนา
ถวายแผ่นดิน ให้เป็น พุทธบูชา แด่ศาสนา สมณะ พระพุทธโคดม ให้ยืนยง คงถ้วน ห้าพันปี
สมณะพราหมณ์ ปฏิบัติ ให้พอสมเจริญสมถะ วิปัสนา พ่อชื่นชม ถวายบังคม รอยบาท พระศาสดา
คิดถึงพ่อ พ่ออยู่ คู่กับเจ้า ชาติของเรา คงอยู่ คู่พระศาสนา พระพุทธศาสนาอยู่ยง คู่องค์กษัตรา พระศาสดา ฝากไว้ ให้คู่กัน
จาก www komchudluk.net

เป็นอย่างไรบ้างครับ ก็หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านที่ได้อ่านบทความนี้นะครับ ^ ^

ไม่มีความคิดเห็น: