วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ว่าด้วยซาลาเปา


สวัสดี วันี้มีซาลาเป่าอร่อยให้ด้ฟังได้อ่าน

วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ประกันชีวิตทำไม?




สวัสดีครับ
ห่างหายบล็อคไปนานครับ เพราะมีงานยุ่ง ๆ อยู่มากครับ เนื่องเพราะผมเป็นคนขายประกัน ของบริษัทฯ เอไอไอ ครับ ลูกค้าเข้าโรงพยาบาลเอย มีลูกค้าใหม่มาทำประกันเอย ทำให้ต้องวุ่นวายไปครับ
ดังนั้น วันนี้ก็เลยคิดว่า จะนำเอาบทความเกี่ยวกับการประกันชีวิต มาบอกเล่าให้กันทราบครับ
มีหลายท่านที่มีตัวแทนประกันชีวิต มาเสนอขายประกันให้ แต่ไม่ทำ เพราะแต่ละคนก็มีเหตุผลต่าง ๆ นา ที่จะไม่ทำ เช่น ไม่มีเงิน ไม่จำเป็น มีประกันสังคม หรือประกันของหน่วยงานอยู่แล้ว ฯลฯ ซึ่งก็ยังมีเหตุผลอีกต่าง ๆมากมาย วันนี้เราจะไม่มาดูว่า ทำไมเราจึงต้องทำประกัน แต่เรามาดูว่า คนที่เขาทำประกันนั้น "มีเหตุผล
อะไรบ้าง"
จากข้อมูลของบริษัทฯ ที่ได้รวบรวมมาจากลูกค้าที่ทำประกันชีวิตไว้กับบริษัทฯ พบว่า มีเหตุผลอยู่ 4 ประการครับ
ประการแรก เพื่อคุ้มครองครอบครัว เพราะว่าหลายท่านเป็นคนมีครอบครัว เป็นหัวหน้าครอบครัว มีลูกมีเมียที่จะตัองดูแล บางท่าน ต้องเลี้ยดูพ่อแม่หรือญาติพี่น้อง หากตัวเองเป็นอะไรไปแล้ว จะทำให้คนข้างหลังลำบาก การทำประกันชีวิต ก็เพื่อเป็นการประกันว่า ลูกเมีย พ่อแม่ หรือญาติพี่น้อง คนที่ตัวเองดูแล จะไม่ลำบาก คือทำเพื่อคนที่เรารักนั่นเอง
ประการที่สอง ทำเพื่อคุ้มครองการเจ็บป่วย เนื่องจากในปัจจุบัน ค่ารักษาพยาบาลเมื่อเวลาเจ็บป่วยสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคร้ายแรงต่าง ๆ เช่นโรคมะเร็ง เป็นต้น ซึ่งค่ารักษาเหล่านี้ก็จะเป็นภาระแก่ตัวเราและครอบครัว จนมีบางคนพูดว่า "หมอรักษาเราให้หาย และฆ่าเราด้วยใบเสร็จ"
เป็นยังไงบ้างครับ สำหรับสาเหตุที่คนทั้งหลายทำประกันชีวิต เหตุผลอีกสองข้อ เราจะคุยกันในตอนหน้านะครับ


วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2552

สิ่งที่ทรงหวัง


สวัสดีครับ
หลาย ๆ ท่านมีความหวังต่าง ๆ นา หลายคน อยากมีความสุขมาก ๆ หลายคนอยากรวยมาก ๆ หลายคนอยากมีบ้านสวย ไว้อยู่อาศัย หลายคนอยากมีรถดี ๆ แพง ๆขับ หลายคนอยากกินอาหารดี ๆ อร่อย ๆ ความหวังอยากมีอยากได้ของแต่ละคนนั้น ต่างก็ปรารถนาให้กับตัวเองทั้งสิ้น ลองมาดูความหวังของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของปวงชนชาวไทยดูซิครับ

"ครั้งหนึ่งในระหว่างที่พระองค์ทรงเสด็จเยี่ยมราษฎรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีนักข่าวต่างประเทศได้ทูลขอพระราชทานสัมภาษณ์ และได้กราบบังคมทูลถามว่า การที่พระองค์เสด็จเยี่ยมประชาชน และมีโครงการหลวงต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายนั้น ทรงหวังว่าจะให้คอมมิวนิสต์น้อยลงใช่หรือไม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งตอบว่า มิได้สนพระทัยว่า คอมมิวนิสต์จะน้อยลงหรือไม่ แต่ทรงสนพระทัยว่า "ประชาชนของพระองค์ จะหิวน้อยลงหรือไม่" ขอทรงพระเจริญ

Mask

วันเสาร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2552

ดอกบัวจากหัวใจ


สวัสดีครับ
หลาย ๆ ท่าน คงจะเคยได้เห็นรูป ๆ หนึ่ง ที่กระทบกับจิตใจของคนที่ได้เห็นอย่างมาก หญิงชราคนหนึ่ง ถวายความเคารพต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา พร้อมกับดอกบัวเหี่ยว ๆ สองสามดอก ที่เก็บมากับมือ ซื่งตอนที่เก็บนั้น คงจะสวยงามจริง ๆ แต่ด้วยระยะเวลาความร้อน ทำให้ดอกบัวนั้นเหี่ยวเฉาลง นี่เป็นบันทึกหนึ่ง ที่อยากให้หลาย ๆ ท่านได้รู้ถึงที่มาของภาพนี้ครับ



ที่นครพนม บนเส้นทางรับเสด็จตรงสามแยกชยางกูร - เรณูนคร บ่ายวันที่ 13 พ.ย. 2498 นาย อาณัติ บุนนาค หัวหน้าส่วนช่างภาพประจำพระองค์ ได้บันทึกภาพในวินาทีสำคัญ ที่กลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ภาพหนึ่งของประเทศ ภาพที่พูดได้มากกว่าคำพูดนับล้านคำ

วันนั้นหลังจากทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เสร็จสิ้นในช่วงเช้าแล้ว ทั้ง 2 พระองค์ ได้เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่ง กลับไปประทับแรม ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ราษฎรที่รู้ข่าวก็พากันอุ้มลูก จูงหลานหอบกันมารับเสด็จที่ริมถนนอย่างเนืองแน่น ดังเช่นครอบครัวจันท์นิตย์ ที่ลูกหลานช่วยกันนำ แม่ตุ้ม จันทนิตย์ วัย 102 ปี ไปรอรับเสด็จ ณ จุดรับเสด็จห่างจากบ้าน 700 เมตร โดยลูกหลานได้จัดหาดอกบัวสายสีชมพู ให้แม่เฒ่าจำนวน 3 ดอก และพาออกไปรอที่แถวหน้าสุดเพื่อให้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทที่สุด

เปลว แดดร้อนแรงตั้งแต่เช้าจนสาย เที่ยงจนบ่าย แผดเผาจนดอกบัวสายในมือเหี่ยวโรย แต่หัวใจรักภักดีของหญิงชรายังเบิกบาน เมื่อเสด็จฯ มาถึงตรงหน้า แม่เฒ่าได้ยกดอกบัวสายโรยราสามดอกนั้น ขึ้นจบเหนือศีรษะแสดงความจงรักภักดีอย่างสุดซึ้ง

พระ เจ้าแผ่นดินทรงโน้มพระองค์อย่างต่ำที่สุด จนพระพักตร์แนบชิดกับศีรษะของแม่เฒ่า ทรงแย้มพระสรวลอย่างเอ็นดู พระหัตถ์แตะมือกร้านคล้ำของหญิงชราชาวอีสานอย่างอ่อนโยน

ไม่ต้องมีคำบรรยาย สำหรับภาพที่ไม่จำเป็นต้องบรรยาย ไม่มีใครรู้ว่าท่านทรงกระซิบคำใดกับแม่เฒ่า แต่แน่นอนว่าแม่เฒ่าไม่มีวันลืม
เช่นเดียวกับที่ ในหลวงไม่ทรงลืมราษฎรคนสำคัญที่ทรงพบริมถนนวันนั้น หลานและเหลนของแม่เฒ่าเล่าว่า

" หลัง จากเสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพฯ แล้ว ทางสำนักพระราชวัง ได้ส่งภาพรับเสด็จของแม่เฒ่าตุ้ม พร้อมทั้งพระบรมรูปหล่อด้วยปูนพลาสเตอร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานผ่านมาทางอำเภอพระธาตุพนม ให้แม่เฒ่าตุ้มไว้เป็นที่ระลึก "

พระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้ มีส่วนชุบชูชีวิตให้แม่เฒ่ายืนยาวขึ้นอีก ด้วยความสุขต่อมาอีกถึงสามปีเต็ม ๆ
แม่เฒ่าตุ้ม จันทนิตย์ ราษฎรผู้โชคดีที่สุดคนหนึ่งในรัชกาลที่ 9 สิ้นอายุขัยอย่างสงบด้วยโรคชราเมื่ออายุได้ 105 ปี

ข้อมูลจาก " แม่เฒ่าตุ้ม จันทนิตย์ " ภาคพิเศษโดย คุณหญิงศรีนาถ สุริยะ วารสารไทย

วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2552

เดิมพันของเรา

สวัสดีปีใหม่ ปีวัวทองครับ
ในทุก ๆ วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี ประชาชนชาวไทยทุกคน ต่างเฝ้ารอ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของคนไทยทุกคน จะบอกเล่าเรื่องอะไร จะสั่งสอนเรื่องอะไรบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีความรู้และเรื่องราวต่าง ๆ ที่เรายังไม่ทราบ ลองมาดูบทความนี้นะครับ

เดิมพันของเรา
ครั้งหนึ่ง หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้กราบบังคมทูลถามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า "เคยทรงเหนื่อย ทรงเคยท้อหรือไม่" ครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระกระแสรับสั่งตอบว่า "ความจริงมันน่าท้อถอยอยู่หรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน เดิมพันของเรานั้น คือบ้านคือเมือง คือความสุขของคนไทยทั้งประเทศ"
(ไทรัฐ 5 ธ.ค.32)
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงมีความเป็นห่วงถึงความสุขของประชาชน ของบ้านเมืองของพระองค์เอง อย่างมากมาย ทรงทุ่มเทแรงพระวรกาย ความสุขของพระองค์แก่พวกเราทั้งหลาย สมควรแล้วหรือที่พวกเรา กลับทะเลาะกันแก่งแย่งกัน จนทำให้พระองค์ต้องเหน็ดเหนื่อย ทั้งพระวรกายแลพระราชหฤทัยครับ
ทรงพระเจริญ

goodastore