วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2551

อาหาร 10 อย่าง ที่ไม่ควรกินมาก (ตอนที่ 2)

อาหารที่ไม่ควรกินมาก อีก 5 อย่าง มีดังนี้ครับ

6. ผักโขม ผักปวยเล้ง เนื่องจากมีกรดออกซาเล็ตมาก จะทำให้ร่างกายขับสังกะสี และแคลเซียมออกจากร่างกายมาก จะทำให้ขาดธาตุอาหารได้

7. บะหมี่สำเร็จรูปต่าง ๆ ถ้ากินบ่อย ๆ และไม่เติ่มอะไรเลย จะำทำให้ขาดสารอาหารที่ร่างกายต้องการ

8. เมล็ดทานตะวัน เพราะมีส่วนประกอบของกรดไขมันไม่อิ่มตัว ถ้ากินมากก็จะมีการสะสมของไขมันที่ตับได้

9. เต้าหู้หมัก เต้ำหู้ยี้ กระบวนการหมักที่ไม่สะอาด จะทำให้มีการปนเปื้อนเชื้อโรคได้ง่าย มีสารย่อยโปรตีน ไฮโดรเจนซัลไฟด์ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

10. ผงชูรส ไม่ควรเกิน 6 กรัมต่อวัน จะำทำให้กรดกลูตามิคในเลือดสูง ซึ่งมีผลต่อการทำงานของประจุแคลเซี่ยม แม็กนีเซี่ยม ทำให้ปวดหัว ใจสั่น คลื่นใส้ และมีผลต่ออวัยวะสืบพันธุ์

การกินอาหารทั้ง 10 อย่างนี้ จึงควรพิจารณาดู อย่าให้มากเกินไป นอกจากนี้แล้วการกินอาหารอื่น ๆ ก็เช่นกัน ถ้ากินมากเกินไปก็ไม่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายเช่นกัน การกินอะไร ที่พอประมาณ ก็จะทำให้ร่างกายของเราสมบูรณ์และแข็งแรงได้ครับ

อาหาร 10 อย่าง ที่ไม่ควรกินมาก (ตอนที่ 1)






สวัสดีครับ
อาหาร นับเป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิตมนุษย์ เราจะต้องกินอาหารทุกวัน เพื่อเป็นพลังงานให้แก่ร่างกาย และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ แต่บางครั้งอาหารนั้น ก็ไม่ได้ให้ประโยชน์แก่ร่างกาย ซ้ำร้าย ยังอาจเป็นอันตรายอีกด้วย ลองมาดูอาหารที่เราไม่ควรกินกันบ้างครับ ว่ามีอะไรบ้าง

1.ใข่เยี่ยวม้า ถ้ากินมากและบ่อย ๆ อาจเกิดพิษจากสารตะกั่ว การดูดซึมแคลเซี่ยมลดลง จะทำให้กระดูกผุได้ (จริง ๆ ผมชอบกินมากนะ ต่อไปต้องลดบ้างแล้วละ)

2. ปาท่องโก๋ ใช้สารส้ม ซึ่งมีตะกั่ว เป็นพิษต่อเซลสมอง ทำให้ความจำเสื่อม คอแห้ง และเจ็บคอ

3. เนื้อสัตว์ย่าง เกิดสารเบ็นโซไพริน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง โดยเฉพาะ ตรงที่ใหม้ ๆ

4. ผักดอง ผลไม้ดองต่าง ๆ จะเกิดการสะสมเกลือโซเดียม ทำให้หัวใจทำงานหนัก เกิดความดันโลหิตสูง และจะเป็นโรคหัวใจได้ง่าย

5. ตับหมู ซึ่งใน 1 กก. จะมีคลอเรสเตอรอล กว่า 400 มิลลิกรัม ถ้ากินมาก จะทำให้หลอดเลือดแข็งตัว เสี่ยงต่อโรคหัวใจ หลอดเลือดทางสมอง และ มะเร็ง

อันตราย! มะพร้าวเผา มะพร้าวน้ำหอม

หลายท่านคงจะชอบกินมะพร้าว ไม่ว่า จะเป็นมะพร้าวน้ำหอม มะพร้าวอ่อน หรือมะพร้าวเผา ที่มีรสชาติหอมหวานอร่อย แต่ท่านรู้ไหมว่า มีอันตรายที่แฝงมา นั่นคือ จากมนุษย์ ผู้เห็นแก่ได้
มีคนหนึ่ง ซึ่งชอบกินมะพร้าวมาก กินทีละสองสามลูก ต่อมาระยะหลัง รู้สึกว่า น้ำมะพร้าวมีรสหวานผิดธรรมชาติมาก จึงลองสังเกตุดู ปรากฏว่าพบ รูเล็ก ๆ คล้ายรูเข็มเจาะ ที่ก้นลูกมะพร้าวทุกลูกเลย ก็เลยตกใจและแน่ใจเลยว่า คนขายจะต้องฉีดอะไรเข้าไปในมะพร้าวแน่ ๆ นอกจากน้ำตาลแล้ว ก็อาจจะใช้สารให้ความหวานอย่างอื่นที่อาจมีอันตราย ฉีดเข้าไปก็ได้ เช่น ขัณทสกรเป็นต้น
ดังนั้นต่อไป ถ้าจะกินมะพร้าวก็ต้องสังเกตุดูกันให้ดีนะครับ


goodastore

วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ชีวิตช่างทุกข์นัก(จริงหรือ?)


ชีวิตคนเราทั้งหลายในสังคมนี้ รวมถึงตัวเราเองด้วย บางครั้ง เรารู้สึกว่า ชีวิตช่างไม่ยุติธรรมจริง ๆ มีแต่ปัญหา มีความทุกข์มากมาย ทำไมเราถึงจนกว่าเขา ทำไมเราไม่มีเงินทองมากเหมือนอย่างใคร หลาย ๆ คนบ้าง เราช่างเป็นคนอาภัพเหลือเกิน ไม่มีรถยนต์ขับ ไม่มีบ้านสวย ๆ ได้อยู่ ไม่มีโอกาสกินอาหารอร่อย ๆ ที่คนรวยเขากินกัน ฯลฯ มากมายความคิดที่ว่าเราเป็นทุกข์ ไม่ได้ดังใจหวังซักอย่าง บทความชิ้นนี้ น่าจะทำให้หลาย ๆ คนเกิดความหวัง และอาจมีมุมมองของชีวิตที่เปลี่ยนไป ลองอ่านดูครับ

ผมได้คุยกับเพื่อนคนหนึ่ง ที่เขาทำงานสองแห่งมีรายได้ไม่มากมายนัก รายได้หักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ภายในบ้านแล้ว เหลือเพียงพันกว่าบาท ต้องประหยัดมัธยัสถ์ เพื่อให้พอเพียงสำหรับเลี้ยงดูพอแม่ที่สูงอายุ พ่อตาแม่ยาย เมีย และลูกอีกสองคน นับเป็นภาระที่หนักมาก แต่สิ่งที่เห็นก็คือ เพื่อนคนนั้นกลับมีชีวิตที่มีความสุขมาก ผมแปลกใจมากที่เห็นเขามีความสุขอย่างนั้น เขาได้อธิบายให้ผมฟังว่า ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ เมื่อก่อน เขาเคยมีป้ญหาชีวิตมาก ประสบกับปัญหาอย่างแสนสาหัส จึงไปเที่ยวที่อินเดีย เพื่อจะได้สบายใจ
ในประเทศอินเดีย เขาได้เห็นกับตาถึงการกระทำของแม่คนหนึ่งที่มีต่อลูกของตนเอง โดยการใช้มีดอีโต้ ตัดแขนขวาของลูกตัวเอง ภาพของสายตาที่สิ้นหวังของผู้เป็นแม่ และเสียงร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดของเด็ก4ขวบ ยังดังอยู่ในหัวของเขาอย่างไม่ไม่วันลืมได้
ทำไมแม่ของเด็กจึงทำเช่นนั้น?
คุณคงคิดว่าเด็กซนเกินไปหรือเปล่า? หรือแขนข้างนั้นติดเชื้อ?
ปล่าวเลย ที่แม่ของเด็กคนนั้นทำเช่นนี้ก็เพื่อให้ลูกของเธอ "พิการ" สามารถขอทานตามท้องถนนได้
เพื่อนของผมตกใจแทบช๊อค ขนมปังที่กินเหลือครึ่งหนึ่ง ร่วงตกจากมือ ทันใดนี้เอง ก็มีเด็ก ๆ ห้าหกคน กรูกันเข้ามา แย่งชิงขนมปังชิ้นนั้นที่เปื้อนดินทรายบนพื้นอย่างหิวโหย เขาตกใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว ไกค์พาเขาไปร้านขนมปังที่อยู่แถว ๆนั้น เขาขอซื้อขนมปังทั้งหมดจากสองร้าน เจ้าของร้านแปลกใจมาก แต่ก็ขายให้เขา เขาใช้เงินไปไม่ถึงหนึ่งร้อยเหรียญ ซื้อขนมปังมาได้สีร้อยกว่าก้อน ตกก้อนละไม่ถึง 25 เซ็น แล้วใช้อีกหนึ่งร้อยเหรียญ ซื้อของใช้ประจำวัน
และแล้วเขาก็นั่งรถที่บรรทุกขนมปังเต็มคันรถ กับของใช้ทั้งหมด ขับรถไปตามถนน แจกขนมปังและของใช้ประจำวันแก่เด็ก ๆ ซึ่งพิการเป็นส่วนใหญ่นั้น พวกเขาล้วนโค้งคำนับด้วยความดีใจ
เป็นครั้งแรกที่เขาคิดได้ว่า "ทำไมคนเราถึงได้ละทิ้งศักดิ์ศรีของตนเองเพียงเพื่อขนมปังก้อนละไม่ถึง 25 เซ็นต์ เขาเริ่มบอกตัวเองว่า เขาโชคดีแค่ไหน มีร่างกายครบสามสิบสอง มีอาชีพการงานให้ทำ มีครอบครัว มีโอกาสบ่นว่าอาหารชิ้นไหนอร่อย ชิ้นไหนไม่อร่อย มีเสื้อผ้าใส่ มีสิ่งของมากมายที่คนเหล่านี้ไม่มี ตอนนี้ผมเริ่มคิดได้ว่า "ชีวิตของผมมั่นย่ำแย่จริงหรือ? บางทีมันอาจไม่ได้ย่ำแย่ขนาดนั้นก็ได้
แล้วคุณละ เมื่อใดที่คิดว่าตัวเองย่ำแย่ ลองคิดถึงเด็กขอทานไร้แขนคนนั้นดูซิครับ

ที่มา : www,postjung.com

ร้านดี

วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2551

วัดพระบาทน้ำพุจะไม่มีอยู่ถ้าเราไม่ช่วยกัน

ทุกคนในนี้มีมือถือใช่ไหมคะ ขอซัก 9 บาทได้ไหม เพื่อผู้ป่วยโรคเอดส์ ไม่ว่ามือถือคุณจะเครื่องละพัน หรือเครื่องละหมื่น ขอแค่ 9 บาท บริจาคให้วัดพระพุทธบาตรน้ำพุ
ง่ายๆ แค่กด 1900-222-200 และกด 1 แค่นี้ คุณก็ได้ร่วมทำบุญแล้วค่ะ (เรื่องจริง โทรไปเช็คที่วัดแล้ว) ขอบคุณสำหรับทุกสายทานบารมีค่ะ อนุโมทนา ด้วยนะคะ

อีกไม่เกิน3 เดือนวัดพระบาทน้ำพุต้องปิดลง ช่วย Forward ต่อด้วย อีกไม่เกิน 3 เดือนวัดพระบาทน้ำพุต้องปิดลง!! ถ้าไม่ อ่าน กรุณา Forwardถ้าไม่ช่วย อีกไม่ เกิน 3 เดือน วัดพระบาทน้ำพุ ต้องปิดลง >>ทุกคนคง
เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี ที่มีหลวงพ่ออลงกตเป็นเจ้าอาวาส ซึ่งท่านได้อุทิศตัวช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์และเด็กกำพร้ามาสิบกว่าปี แล้วทั้งๆที่ท่านมีพร้อม ทุกอย่างจบการ ศึกษาระดับปริญญาโทวิศวะจากออสเตรเลีย แต่ท่านก็เสียสละ ได้ เพียงเพราะท่านเห็น ว่าผู้ป่วยโรคเอดส์นั้นไร้ที่พึ่ง จริงๆขนาดบางคนพอพ่อแม่รู้ว่าติดเชื้อ เอดส์ ยังรังเกียจและทอดทิ้งลูกของตัว เองได้เลย
หลวงพ่อท่านเห็น ว่าถ้าท่านไม่ช่วยพวกเขาเหล่า นี้ท่านก็ไม่สามารถเรียกตัวเองว่าเป็น มนุษย์ได้ทุก วันนี้ที่วัดมีผู้ป่วยและเด็กกำพร้าที่ หลวงพ่อต้องคอยดูแลรวมถึงพนักงานและอาสา สมัครราวหนึ่งพันคน
ค่าใช้จ่ายต่อเดือนประมาณ สามล้าน กว่าบาทแต่ยอดบริจาคกลับน้อยลง เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา เห็นว่า ลดลงเหลือเพียงเดือนละสองแสนบาทเอง ส่วน รัฐบาลก็ช่วยเหลือเพียงเดือนละหนึ่งแสนบาทเท่า นั้นเคยโทรไปถามที่วัด เกี่ยวกับสถานะทางารเงิน พนักงานก็บอกว่า รายรับเท่า เดิมแต่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทุก วันค่ายารักษาหรือเพิ่มภูมิต้านทานก็ แสนจะแพงแถมผู้ป่วยก็มีแต่จะเพิ่มมาก ขึ้น ทางวัดจะไม่รับก็ไม่ ได้ เนื่งจากมีคนพาผู้บ่วยมาทิ้งไว้ที่ หน้าประตูวัดเสมอซึ่งพวกเขาก็ไม่มีทาง ไป ที่วัดก็เมตตาช่วยเหลือแม้กระทั่งคน ชราและเด็กที่คนในครอบครัวเสียชีวิต เพราะเอดส์แล้วไม่มีใครดูแล ตอนนี้ต้องมีการส่ง ผู้ป่วยที่อาการดีแล้วและพอมีฐานะกลับบ้านบ้าง แล้วและอีกสามเดือนอาจต้องปิดตัว ลง!!!!!!
หลวงพ่อเองต้องลงมาบิณฑบาตรที่ กรุงเทพฯทุกสัปดาห์ต้องไปหลายที่ต่อ หนึ่งวันเพราะรอนไปช่วยเหลือถึงวัด ไม่ไหว เห็นแล้วก็เหนื่อยแทน จริงๆเมืองไทยมีผู้ติดชื้อเอดส์มาก เป็นอันดับสี่ของโลกแล้ว และแนวโน้มก็มี มากขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับอายุของผู้ที่ ติดเชื้อเอดส์ซึ่งกลับกลายเป็นว่าอายุน้อยลง ทุกทีอยากให้พวกเราเข้าใจ ว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาของประเทศชาติและ เป็นเรื่องของพวกเราทุกคนที่ต้อง ช่วยกัน
พวกเราสามารถช่วยได้หลายรูปแบบ
ขณะนี้หลวงพ่อท่านมารับบริจาคทุกวัน เสาร์ตั้งแต่ 8.30 น. -10.00 น. ที่สวน ลุมไนท์บาร์ซาร์ข้างๆอาคารบีอีซี เท โร สามารถบริจาคเป็นเงิน (ดีที่สุด), ยา, ผ้าอ้อม, สำลี,ของอุปโภคบริโภคต่างๆ, หนังสือ, เสื้อผ้า ฯลฯหรือบริจาคผ่านธนาคาร ให้กับ ' กองทุนอาทรประชานาถ 'ถ้าสามารถทำเป็นรายเดือนได้จะดีมาก ราย ละเอียดของเบอร์บัญชีมีดังนี้
ธ.กรุงเทพฯ สาขา ลพบุรี 289-0-84697-1ธ.ทหารไทย สาขา ลพบุรี 304-2-41277-9ธ.กสิกรไทย สาขา ถนนสุรสงคราม 174-2-39000-ธ.ไทย พาณิชย์ สาขาลพบุรี 579-2-33730- 7ธ.กรุงศรีอยุธยา สาขา ลพบุรี 111-1-47300-7ธ.นครหลวง ไทย สาขาลพบุรี 340-2-14976- 0ธ.เพื่อการเก ษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขานางเลิ้ง 000-2-12022-0
และสุดท้ายที่พวกเราสามารถช่วย ได้เดี๋ยวนี้ คือ การบอกต่อถึงเรื่อง นี้ และช่วยส่งเมล์นี้ไปให้คนที่รู้จักทกๆ คน
goodastore

อย่ารับ

สวัสดีครับ ขอต้อนรับเข้าสู่บล้อค บอกต่อครับ เพื่อบอกต่อเรื่องราวที่ดี ๆ มีสาระประโยชน์ ต่อคนทั่วไปครับ
วันนี้มีเรื่องราวที่น่าจะเป็นอุทาหรณ์มาเล่าสู่กันฟังครับ โดยมีชื่อเรืองว่า "อย่ารับ"

มีผู้หญิงคนหนึ่ง ไปเติมแก็สที่ปั้มแก็ส มีชายมาเสนอบริการทาสี โดยยื่นนามบัตรให้ หญิงคนนั้นก็รับ มาอ่าน แล้วถือเข้ามาในรถด้วย สักครู่เมื่อขับรถออกมาจากปั้มแก็ส ก็สังเกตว่าชายคนนั้นขับรถ ตามมา และเธอก็รู้สึกว่า หายใจไม่ค่อยออก เธอรับเปิดหน้าต่าง และตระหนักว่ากลิ่นนั้นมาจาก มือของเธอเอง ซึ่งเป็นมือข้างที่เธอรับนามบัตรมาจากชายคนนั้น เธอตัดสินใจขับรถและกดแตร ดังไปตลอดทางเพื่อขอความช่วยเหลือ ชายคนนั้นจึงขับรถหนีไป ยาที่ป้ายบนนามบัตร คือ ยา BURUNDANGA เพิ่อให้เราหมดสติ ควบคุมตนเองไม่ได้ แล้วเจ้า ตัวร้ายก็จะขโมยของและหรือข่มขืนเรา โดยยานี้มีประสิทธิภาพแรงกว่ายาที่ใช้ข่มขืนสาวๆ ถึง 4 เท่า ดังนั้นอย่ารับ กระดาษ นามบัตร แผ่นพับ จากคนแปล กหน้านะจ๊ะ

ก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านนะครับ

วันอังคารที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ความน่ารักของภาษาไทย ลาว

ความน่ารักของภาษาไทยกับภาษา ลาว

ท = ไทย ล = ลาว
สถานที่
ท : ห้อง คลอด ล : ห้องประสูติ
ท : นาง ผดุง ครรภ์ ล : นาง ประสูติ
ท : ห้องไอซียู ล : ห้อง มรสุม
ท : ปั๊มป์เชล ล : ปั๊ม ป์หอย
ท : ไฟ แดง ล : ไฟ อำนาจ
ท : ไฟเขียว ล : ไฟ อิสระ
ท : ถ่ายเอกสาร ล : อัดเอกสาร
ท : ร้าน ถ่าย รูป ล : ร้านแหกตา (- -'')
ท : ผ้า เย็น ล : ผ้า อนามัย * เหอๆๆ
ท : Johny Walker ล : บักจอน ย่าง


หรือจะ เป็นภาพยนตร์ก็มี
ท : Superman ล : บักอึดถลา ลม
ท : Face Off ล : หน้าข้อยอยู่ปู๊น หน้าเปิ้นอยู่ นี่
ท : Speed ล : เบรกบ่อยู่
ท : สองสิงห์ชิง บัลลังก์ ล : สองสิงห์ชิงตั่ง นั่ง
ท : รักจริงๆ ให้ดิ้น ตาย ล : ฮักคักคัก ชัก แงกแงก
ท : โลกทั้งใบให้นายคน เดียว ล : โลกโม้ ดม้วยให้โต๋ผู้ เดียว
ท : หนูน้อย พเนจร ล :**น้อย ตุหรั่ดตุเหร่
ท. ไททานิค ล: ชู้รักเรือ ล่ม
ท. ศรราม ออกอัลบั้ม อย่างนี้ต้องตี ก้น ล: ศ่อน ฮาม ออกแผงอย่างนี่ต้องตีดากกกกก
ท. ห้องผ่า ตัด ล. ห้องปาด
ท.จู ราสสิคปา ร์ค ล.กะปอมพยศ
ท.เชือด เชือด นิ่ม นิ่ม ล.ปาด ปาด เนิบ เนิบ
ท. หลอด ฟลูออเรสเซนต์ ล. ข้าวหลามแจ้ง
ท. รถไฟ &nb sp; ล.ห้องแถว ไหล


มาดู นัก กีฬากันบ้าง ปล่อย ตัวนักวิ่ง100 เมตร
ท.เ??้า ที่ ล. เข้า ซ่อง
ท.ระวัง ล.โก่ง ดาก
ท.ไป ล. แล่น

Copy มาฝากมนุษย์ Officeหรือมนุษย์โรงงาน ทั้งหลายจะได้ผ่อนคลายบ้าง
coats bic gillette

วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2551

10 อันดับของสังฆทาน ที่พระจะได้ประโยชน์มากที่สุด

สวัสดีครับ ขอต้อนรับเข้าสู่บล็อค บอกต่อ(borgtor) บล็อคที่นำเสนอเรื่อง ดี ๆ ที่เพื่อน ๆ ได้ส่งมาให้อ่าน เอามาเผยแพร่แก่ทุกคน ได้ทราบครับ

วันนี้มีเรื่องเกี่ยวกับการทำบุญครับ เรามักจะไปทำบุญ โดยการไปซื้อถังเหลือง หรือที่เราเรียกว่า ถังสังฆทาน เพื่อเอาไปทำบุญตามวัดต่าง ๆ ใช่มั้ยครับ วันนี้เราจะมาดูกันว่า อะไร ที่พระสงฆ์ต้องการมากที่สุด ลองมาดูบทความนี้นะครับ เอามาจากรายการจุดเปลี่ยนครับ

10 อันดับของสังฆทาน ที่พระจะได้ประโยชน์มากที่สุด (สกู๊ปรายการจุดเปลี่ยน)

รายการ 'จุดเปลี่ยน' เมื่อวันเสาร์ที่ 14 และ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา (ช่อง 9 เวลา 13.00 น.)
ออกอากาศเรื่อง '10 อันดับของสังฆทาน ที่ทำแล้วพระท่านจะได้ประโยชน์มากที่สุด'
อันเนื่องมาจากมีการสำรวจของในถังสังฆทานสำเร็จรูป (ถังเหลือง) ที่เห็นวางขายกันอยู่ทั่วไป
พบว่า กว่า 50 % เป็นของที่ไม่มีคุณภาพ ใช้งานจริงไม่ได้ เช่น ผ้าจีวรสั้นและบางจนแทบจะเป็นผ้าซีทรู
ใบชาเหม็นผงซักฟอกที่วางมาข้างๆ (กลายเป็นใบชารสโอโม่) กระดาษชำระหยาบและมีกลิ่นเหม็น
แปรงสีฟันแข็งจนพระค่อนประเทศเป็นโรคเหงือกอักเสบ, สบู่ แชมพู ที่ถวายมีกลิ่นหอมแรง
และผสมมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ ทำให้พระผิดศีลต้องปลงอาบัติกันทุกวัน
(มีศีลข้อหนึ่งห้ามการประทินผิวและใช้เครื่องหอม ไม่แน่ใจว่าศีลข้อที่ 6,7 หรือ 8 นี่แหละค่ะ)
เครื่องชงดื่มมักหมดอายุ ถ่านไฟฉายหมดอายุ แบตเยิ้ม ฯลฯ หรือแม้แต่ตัวภาชนะที่ใส่ คือถัง
ก็ยังทำจากพลาสติกคุณภาพต่ำ ใส่อะไรได้แป๊บเดียวก็ฉีก แตก พัง เป็นต้นค่ะ

รายการจุดเปลี่ยนจึงได้ไปสอบถามพระสงฆ์จำนวนหนึ่ง แล้วจัดอันดับสิ่งของสังฆทาน
ตามความจำเป็นในการใช้งาน รวม 10 อันดับ ซึ่งเรียงจากจำเป็นมากสุดไปน้อยที่สุดได้ ดังนี้

1. เครื่องเขียน สมุด ปากกา ดินสอ
เนื่องจากพระสมัยนี้ต้องเรียนพระปริยัติธรรม
และจดกำหนดนัดหมายต่างๆ ช่วยจำ
บางรูปท่านเป็นเหรัญญิกดูแลค่าใช้จ่าย ยิ่งต้องใช้มาก
แต่ไม่ค่อยมีใครถวายเครื่องเขียนเหล่านี้
พระท่านจึงต้องไปเดินหาซื้อเองเสมอ
หากเราถวายไป พระท่านจะได้ใช้อย่างแน่นอนค่ะ
อันดับ 1 จึงตกเป็นของ 'เครื่องเขียน' ไปอย่างพลิกความคาดหมาย
(หรือว่าคุณทายถูกล่ะ ? เอ้อ)

2. ใบมีดโกนตราขนนก (Feather) หรือยี่ห้อยินเลส
เนื่องจากพระต้องโกนผมทุกวันโกน แต่ใบมีดยี่ห้ออื่น
พระใช้โกนผมแล้วเลือดสาด !!! (>_<)
ท่านจึงใช้ได้แค่ 2 ยี่ห้อนี้เท่านั้น
อนึ่ง ใบมีดตราขนนกจะคมกว่ายินเลส ใช้ในการโกนครั้งแรก
ส่วนยินเลสจะใช้เก็บความเรียบร้อยอีกครั้ง
หากท่านใดถวายใบมีด ก็ได้ชื่อว่า
ช่วยไม่ให้พระต้องเสียเลือดเนื้อทุกวันโกน
ข้าพเจ้าเห็นว่าได้บุญดีกว่าให้ยาอีกนะท่าน (-_- )'''

3. ผ้าไตรจีวร ที่มีความยาวพอที่จะนุ่งห่มได้
มีความหนาพอเหมาะสม
เพราะผ้าที่ติดมากับถังเหลือง มันทั้งสั้น ทั้งเต่อ ทั้งบาง
ทำให้พระท่านลำบากใจเวลาสวมใส่ขาดความมั่นใจ
และเสียภาพลักษณ์ที่ดีของสงฆ์
ผู้ใดถวายผ้าไตรจีวร จึงได้อานิสงส์มากนัก
นี่ก็ใกล้จะถึงเทศกาลเข้าพรรษาแล้ว
เตรียมผ้าอาบน้ำฝนไปถวายพระกันเถอะนะคะ

4. หนังสือธรรมะ สารคดี นิตยสาร หรือที่ให้ความรู้ด้านอื่นๆ
เนื่องจากพระสงฆ์ มีหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา
จึงจำเป็นที่จะต้องมีความรู้ที่แตกฉาน
ทั้งทางธรรม และรู้ทันข่าวสารบ้านเมือง
เพื่อจะได้สาธก ยกตัวอย่างให้ชาวบ้านเข้าใจได้แจ่มแจ้ง
การถวายหนังสือเหล่านี้ จึงถือเป็นต้นทุนแห่งธรรมทาน
ให้พระท่านได้นำไปต่อยอดกระจายสู่ผู้คนได้อีกมาก
ทั้งยังถือเป็นการลงทุนที่ไม่มีความเสี่ยง
แถมได้ผลตอบแทนสูงน่าลงทุนเป็นอย่างยิ่ง
(ใครติดหุ้นอยู่น่าจะลองไปถวายหนังสือธรรมะแก้เคล็ดนะ ก๊ากกกก)

5. รองเท้า
(ยกเว้นพระนิกายธรรมยุตต์นะจ๊ะ สังเกตให้ดีล่ะว่าวัดที่เราไป
พระท่านใส่รองเท้ากันหรือเปล่า)
พระท่านต้องเดินบิณฑบาตร, ธุดงค์, ไปเรียนหนังสือ,
ไปกิจนิมนต์ตามที่ต่างๆ,
บางรูปต้องทำงานที่ใช้แรงงานในวัด
เช่น ก่อสร้าง ทำสวน สิ่งที่ต้องรับภาระหนักก็คือ 'รองเท้า'
ที่มักจะขาด เสียหาย อยู่บ่อยๆ นั่นเอง
รองเท้าจึงถือเป็นอีก item หนึ่งที่มีความสำคัญอย่างสูง

6. ยาหลักๆ ที่จำเป็น
ยาสามัญประจำบ้าน ยาแก้ปวดหัว ปวดท้อง ยาแก้ไอ แก้ไข้
ลดกรดในกระเพาะอาหาร ยาใส่แผลสด แผลเปื่อย
แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลพุพอง เป็นหนอง
ผิวหนังอักเสบ เป็นหนอง ใช้ ......
(เรารู้นะว่าคุณเติมคำในช่องว่างได้ อิอิอิอิ ต้องไปดูโฆษณา สสส.)

7. ผ้าขนหนูสีสุภาพ
ไม่ต้องสีเหลืองก็ได้
เพราะผ้าขนหนูที่ติดมากับถังเหลืองมักหยาบ เล็ก
และคุณภาพต่ำ จนเอามาใช้ไม่ได้ในชีวิตจริง

8. ชุดคอมพิวเตอร์
อู้วววว ไฮโซไปนิดนึง
แต่ถ้าใครรวบรวมเงินได้เป็นกอบเป็นกำอย่างกฐิน ผ้าป่า
ก็น่าพิจารณาถวายคอมพิวเตอร์แด่วัดที่ขาดแคลน ..
ถ้าเป็นวัดที่อินเตอร์เน็ตเข้าไม่ถึงจะดีมากๆ ค่ะ
(แอบห่วง กลัวเป็นต้นเหตุของข่าวพระนักแชท)

9. น้ำยาเช็ดพื้น
เหอ... งงไปเลย พระท่านจะเอาน้ำยาเช็ดพื้นไปทำอะไร ??
เฉลย ก็เอาไปผสมน้ำถูกุฏิ ศาลา อุโบสถ ไงจ๊ะ
เพราะนอกจากจะช่วยผ่อนแรงในการทำความสะอาด สลายคราบแล้ว
บางยี่ห้อยังช่วยฆ่าเชื้อโรคที่อยู่ในมูลนกพิราบ
ฉี่หมา ฉี่แมว ฉี่หนู เห็บ หมัด ของหมาวัดได้อีกด้วย
(เอ...แล้วถ้าพระ 'ฆ่า' เชื้อโรคนี่จะผิดศีลข้อปาณาฯ มั้ยคะคุณ ??)

10. แชมพู
อ๊ากกกกก !!! พระท่านไม่มีผมแล้วจะเอาแชมพูไปทำไมเนี่ย
แถมยังฮอตฮิตติดท็อปเท็นของที่มีประโยชน์อีกด้วย
แซงหน้าไมโล โอวัลติน ชาเขียว ขิงผง สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ทิชชู่ ฯลฯ
ที่เห็นสลอนอยู่ในถังเหลืองซะด้วยซี
คืองี้ เมื่อพระท่านไม่มีผมมาปกป้องหนังศีรษะเนี่ย
ทั้งความร้อน ฝุ่นละออง เชื้อโรคต่างๆ
ก็จะเข้าถึงหนังศีรษะของท่านได้โดยตรง
แถมการรักษาสมดุลความชุ่มชื้นของหนังศีรษะก็จะเสียไป
เพราะไม่มีผมปกคลุม ทำให้หนังศีรษะของพระ มักจะแห้ง
และเกิดโรคผิวหนังอยู่เสมอ เช่น ชันตุ เป็นต้น
สิ่งที่จะช่วยบรรเทาได้ก็คือ แชมพูยา
ที่มีส่วนผสมปกป้องหนังศีรษะ รักษาสมดุล
สังเกตง่ายๆ ที่ฉลากจะมีคำว่า 'Scalp' เป็นสำคัญ
ยี่ห้อที่เป็นแบบนี้ก็มักจะเป็นพวกแชมพูขจัดรังแค
อย่างคลินิค, แพนทีน, Head & Shoulder, ไนโซรัล เป็นต้น
แต่น่าเศร้าใจ ที่ไม่มีใครถวายแชมพู พระท่านจึงจำต้องใช้สบู่แก้ขัด
ซึ่งทำให้ยิ่งคันหัว ศีรษะแห้งไปกันใหญ่ ดังนั้นจึงขอท่านโปรดจำไว้
ว่าเราควรซื้อแชมพูไปถวายพระ แต่ก็เลือกสูตรกันนิดนึงนะคะ
ให้เป็นสูตรดูแลหนังศีรษะ
เพราะถ้าเกิดเราเลือกสูตร 'เพื่อผมนิ่มสลวยดำเงางาม' ไปถวายท่าน...
ท่านอาจเข้าใจผิด คิดว่าเราแซวได้ค่ะ

การทำสังฆทาน นอกจากจะถวายเป็นสิ่งของแล้ว
อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ ก็คือ
การบริจาคเงินให้กับโรงพยาบาลสงฆ์
เพื่อช่วยเหลือพระภิกษุที่อาพาธค่ะ

ครับก็หวังว่า โอกาสต่อไป ถ้าเราจะไปทำบุญ ก็ลองจัดหาสิ่งของ ที่จำเป็นของพระสงฆ์ ไปถวายท่าน ก็จะได้ทั้งบุญ และพระท่านก็ได้ใช้ประโยชน์ด้วยครับ

bests good balls
สวัสดีครับ ขอต้อนรับเข้าสู่บล็อค บอกต่อ(borgtor) บล็อคที่นำเสนอเรื่อง ดี ๆ ที่เพื่อน ๆ ได้ส่งมาให้อ่าน เอามาเผยแพร่แก่ทุกคน ได้ทราบครับ

วันนี้มีเรื่องเกี่ยวกับการทำบุญครับ เรามักจะไปทำบุ

วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เมื่อฉันแก่ลง

สวัสดีครับ ขอต้อนรับเข้าสู่บล็อค บอกต่อ(borgtor) บล้อคที่นำเอาเรื่องราวที่ดี ๆ ที่เพื่อน ๆ ได้ส่งมาให้อ่าน เอามาแบ่งปันให้แก่ทุกท่านได้ทราบครับ
ลองมาดูบทความข้างล่างนี้นะครับ อาจจะยาวไปนิด แต่ลองอ่านให้จบนะครับ


เมื่อฉันแก่ลง

ลูกๆทุกคน - โปรดอ่าน !!

อยากให้อ่านให้จบนะครับ โดยเฉพาะ คนที่อยู่ห่างไกลพ่อแม่ และ อยากมีอนาคตที่สวยงาม เรื่องที่จะบอกต่อนี้เป็นเรื่องเล่าของลุกผู้ชายคนหนึ่งที่ตระเวนทั้งเรียนทั้งทำงานไป ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำแม้เขาจะเติบกล้าเก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ ความรู้เพิ่มมากขึ้น โลกใบนี้เริ่มเล็กลงแต่พ่อแม่ที่อยู่บ้านเดิม(ในเมืองจีน)ก็เริ่มแก่ตัวลง ลูกคนนี้ทำงานอยู่ต่างประเทศ ไม่ค่อยได้กลับมาเยี่ยมพ่อแม่ได้แต่ติดต่อกันทางจดหมาย โชคดีต่อมามีไอพีการ์ด เลยได้คุยสดกันบ้าง ทุกครั้งแม่ก็จะคอยเตือนให้ระวังสุขภาพของตัวเองตั้งใจทำงาน ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ ไม่ต้องกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ เพราะจะสิ้นเปลืองเงินทอง...ยิ่งพูดก็ยิ่งซ้ำๆซากๆ เขารู้ดีว่าแม่เริ่มคิดถึงเขามากจนกระทั่งปีนี้ แม่อายุ 75 เขาจึงตั้งใจจะกลับไปเยี่ยมแม่โดยตั้งใจว่าจะอยู่สัก 1 เดือน จะไม่ทำอะไรเป็นพิเศษ แต่ขอเป็นเพื่อนแม่เพียงอย่างเดียว พอบอกข่าวนี้ให้แม่ทราบ แม้จะมีเวลาอีกตั้ง 2 เดือนเศษแม่ก็เริ่มเตรียมตัวในการต้อนรับการกลับมาเยี่ยมบ้านของลูกแม่ดึงเอา สมุดบันทึกมาจดสิ่งที่ต้องตระเตรียม แม่เตรียมรายการอาหารที่ลูกชอบ ดึงเอาผ้าห่มที่ลูกเคยชอบห่มมาปะชุนใหม่...
สำหรับคนอายุ 75 เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย พอกลับถึงบ้าน ตอนอยู่บนเครื่องบิน เคยตั้งใจว่าจะขอกอดแม่ให้ชื่นใจสักครั้ง แต่พอมาเห็นแม่ แม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผอมแห้ง หน้าตาเหี่ยวย่นช่างไม่เหมือนแม่คนก่อนหน้านี้เลย... แม่ใช้เวลาทั้งชั่วโมงเตรียมอาหารที่ลูกเคยชอบ โดยที่หาทราบไม่ว่าเดี๋ยวนี้ลูกไม่ได้ชอบอาหารแบบนั้นแล้ว และเพราะแม่ตาไม่ค่อยดี รสชาติอาหารจึงแย่มากๆ บางจานก็เค็มจัด บางจานก็จืดสนิท ผ้าห่มที่แม่อุตส่าห์เตรียมให้ ทั้งหนาทั้งหยาบ ไม่สบายกายเลย แม่หารู้ไม่ว่าเดี๋ยวนี้ลูกนอนห้องแอร์และใช้ผ้าห่มขนแกะแล้ว แต่เขาก็ไม่บ่นอะไร เพราะเขาตั้งใจจะกลับมาเป็นเพื่อนแม่จริงๆ สองสามวันแรก แม่ยุ่งอยู่กับเรื่องจิปาถะ จนไม่มีเวลาพักผ่อน พอเริ่มได้พัก แม่ก็เริ่มพูดมาก สอนโน่นสอนนี่ พูดแต่ปรัชญาเก่าๆ ซึ่งปรัชญาเหล่านั้น 10 กว่าปีก่อนก็เคยพูดแล้ว พอลูกบอกให้ฟังว่า ปรัชญาเหล่านั้นไม่ทันสมัยแล้วแม่ก็เริ่มนิ่งเงียบและเศร้าซึม

'
เหตุการณ์เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ผมพบว่าสุขภาพแม่แย่ลง โดยเฉพาะสายตา อาหารบางจานมีแมลงวันด้วย บางทีอาหารหกบนเตา แม่ก็เก็บใส่จานตามเดิม ครั้นผมพยายามชวนแม่ไปกินนอกบ้าน แม่ก็บอกอาหารข้างนอกไม่สะอาด ของแปลกปลอมเยอะ เมื่อผมบอกแม่ว่าจะหาคนรับใช้มาช่วยแม่สักคน แม่ก็โวยวายว่าแม่เองยังสามารถทำงานเลี้ยงดูเด็กให้ผู้อื่นได้เลย ผมเลยพูดไม่ออกพอผมจะออกไปช้อปปิ้ง แม่ก็จะตามไปด้วย ทำเอาวันนั้นทั้งวัน พวกเราไม่ได้ไปช้อปปิ้งเลย...'

'
พอพวกเราเริ่มคุยกันในเรื่องทันสมัย แม่ก็จะหาว่าพวกเราเพี้ยน ผมก็เริ่มบอกแม่อย่างไม่ค่อยเกรงใจว่า แม่ นี่มันสมัยใหม่แล้ว แม่ต้องหัดมองโลกในแง่ใหม่ๆบ้าง... ช่วงครึ่งเดือนหลังที่อยู่กับแม่ ผมเริ่มขัดแม่มากขึ้นเรื่อยๆ และรู้สึกรำคาญเพิ่มมากขึ้นแต่เราไม่เคยทะเลาะกันนะ พอผมขัดแม่ แม่ก็หยุดกึกลง ไม่พูดไม่จา ในตามีแววเหม่อลอย โลกซึมเศร้าแบบคนแก่ของแม่ชักหนักขึ้นเรื่อยๆ' ได้เวลาที่ผมจะต้องเดินทางกลับ แม่ดึงกล่องกระดาษกล่องหนึ่งออกมาในนั้นเป็นข่าวหนังสือพิมพ์ที่แม่ตัดเก็บไว้ ในช่วงที่ผมไปอยู่เมืองนอก แม่เริ่มสนใจข่าวต่างประเทศเมื่อผมเดินทางไปนอก ทุกครั้งที่มีข่าวตึงเครียดในประเทศนั้นๆ แม่จะตัดข่าวเก็บไว้ ตั้งใจจะมอบให้ผมตอนที่ผมกลับมา แม่พูดอยู่เสมอว่า อยู่นอกบ้านนอกเมืองต้องระวังตัวให้มากๆ ครั้งหนึ่งมีเรื่องคนญี่ปุ่นต่อต้านและข่มเหงคนจีน มีการปะทะกันด้วย แม่เป็นห่วงมาก ถามเพื่อนบ้านว่าจะส่งข่าวไปเตือนผมที่ญี่ปุ่นได้อย่างไรตอนนั้นผมสอนอยู่ที่ญี่ปุ่น'

แม่ดึงเอาปึกกระดาษข่าวนั้นออกมาอย่างยากลำบากวางใส่ในมือผมเหมือนของวิเศษชิ้น หนึ่ง มันหนักมาก ผมเริ่มรู้สึกลำบากใจเพราะผมไม่อยากนำกลับไป มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้วผมรู้ว่าแม่เก็บมันด้วยความยากลำบาก แม่สายตาไม่ค่อยดี ต้องใช้แว่นขยาย อ่านได้วันละ 2 หน้าก็เก่งแล้ว นี่ยังตัดเก็บได้ขนาดนี้ ทันใดนั้นมีข่าวแผ่นหนึ่งปลิวหลุดลงมา แม่รีบเอื้อมไปหยิบแต่แทนที่แม่จะเก็บเข้ากองเดิม แม่กลับพับเก็บไว้ในกระเป๋าของตัวเอง ผมรู้สึกเอะใจ เลยถามว่า 'แม่ นั่นกระดาษอะไร ขอผมดูหน่อยนะ'แม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงล้วงออกมาวางบนข่าวปึกนั้นแล้วหุนหันเข้าครัวไปทำกับข้าวทันที ผมหยิบแผ่นข่าวนั้นขึ้นมาดู มันเป็นบทความบทหนึ่ง ชื่อว่า

'เมื่อฉันแก่ตัวลง'
ตัดจากหนังสือพิมพ์เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2004
เป็นช่วงที่ผมเริ่มเถียงกับแม่ถี่มากขึ้นทุกทีบทความนั้นคัดมาจากนิตยสารฉบับ หนึ่งของเม็กซิโก
ฉบับเดือนพฤศจิกายน ผมอ่านบทความนั้นทันที
...
เมื่อฉันแก่ตัวลง.....ไม่ใช่ฉันที่เคยเป็น ขอโปรดเข้าใจฉัน มีความอดทนต่อฉันเพิ่มขึ้นอีกสักนิด

ถ้าฉันทำน้ำแกงหกใส่เสื้อตัวเอง....ถ้าฉันลืมวิธีผูกเชือกรองเท้า
ขอให้คิดถึงตอนเธอเด็กๆ...ที่ฉันสอนเธอหัดทำทุกอย่าง

ถ้าฉันเริ่มพร่ำบ่นแต่เรื่องเดิมๆที่เธอรู้สึกเบื่อ….ขอให้อดทนสักนิด
อย่าเพิ่งขัดฉัน ตอนเธอยังเล็กๆ ฉันยังเคยเล่านิทานซ้ำๆซากๆ จนเธอหลับเลย

ถ้าฉันต้องการให้เธอช่วยอาบน้ำให้ อย่าตำหนิฉันเลยนะ
ยังจำตอนที่เธอยังเล็กๆได้ไหม ฉันต้องทั้งกอดทั้งปลอบเพื่อให้....เธอยอมอาบน้ำ

ถ้าฉันงงกับวิทยาการใหม่ๆโปรดอย่าหัวเราะเยาะฉัน….
จำตอนที่ฉันเฝ้าอดทนตอบคำถาม 'ทำไม ทำไม'ทุกครั้งที่เธอถามได้ไหม

ถ้าฉันเหนื่อยล้าจนเดินต่อไม่ไหว
ขอ....จงยื่นมือที่แข็งแรงของเธอออกมาช่วยพยุงฉันเหมือนตอนที่ฉันพยุงเธอให้หัดเดินในตอนที่เธอยังเล็กๆ

หากฉันเผอิญลืมหัวข้อที่กำลังสนทนากันอยู่โปรดให้เวลาฉันคิดสักนิด
ที่จริงสำหรับฉันแล้ว.....กำลังพูดเรื่องอะไรไม่สำคัญหรอก ขอเพียงมีเธออยู่ฟังฉัน......ฉันก็พอใจแล้ว

ตอนนี้ถ้าเธอเห็นฉันแก่ตัวลง...ไม่ต้องเสียใจ...ขอให้เข้าใจฉัน....สนับสนุนฉัน
ให้เหมือนตอนที่ฉันสนับสนุนเธอตอนเธอเพิ่งเรียนรู้อะไรใหม่ๆ

ในตอนนั้น....ฉันนำพาเธอเข้าสู่เส้นทางชีวิต
ตอนนี้....ขอให้เธอเป็นเพื่อนฉันเดินไปให้สุดเส้นทางของชีวิตโปรด....ให้ความรักและความอดทนต่อ..ฉัน

ฉันจะยิ้มด้วยความขอบใจ.... ในแววตาอันฝ้าฟางของฉัน....มีแต่ความรักอันหาที่สิ้นสุดมิได้ ของฉันที่มีให้กับ..........เธอ

ผมอ่านบทความนั้นรวดเดียวจบทันที.... เกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ตอนนั้นแม่เดินออกมา ผมแกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นตอนแรกแม่คงอยากให้ผมได้อ่านบทความนี้หลังจากผม กลับไปแล้วจึงคะยั้นคะยอให้ผมนำข่าวปึกนั้นกลับไป ตอนผมจัดกระเป๋าเดินทาง ผมต้องสละไม่เอาสูทกลับไป 1 ตัว จึงยัดเก็บปึกข่าวเหล่านั้นเข้าไปได้รู้สึกแม่จะดีใจมากเหมือนกับว่าหนังสือ พิมพ์เหล่านั้นเป็นยันต์โชคลาภสำหรับผมและเหมือนกับว่าการที่ผมยอมรับหนังสือ พิมพ์เหล่านั้นผมได้กลับมาเป็นเด็กดีของแม่อีกครั้งหนึ่งแม่ตามมาส่งผมจนถึงรถแท็กซี่เลยที่เดียว

หนังสือพิมพ์ที่ผมนำกลับมาเหล่านั้น ไม่ได้ใช้ทำประโยชน์อะไรเลย แต่บทความ

'เมื่อฉันแก่ตัวลง' บทนั้น ผมได้ตัดเก็บไว้ในกรอบ เอาไว้ข้างตัวฉันตลอดไป

ตอนนี้ ผมขออุทิศบทความนี้ ให้กับลูกๆทั้งที่พเนจรและไม่ได้พเนจรทั้งหลาย...ถ้ามีเวลาว่างก็แวะไปหาท่าน หรือไม่ก็โทรไปหาท่านบ้าง บอกท่านว่าคุณอยากกินอาหารที่ท่านทำเสมอ....
ท่านไม่ได้ต้องการอะไรจากเรามากไปกว่า...แค่ได้รับรู้ว่า เราสุขสบายดี..ถ้าหากเราไม่สามารถไปเยี่ยมท่านได้....ตอนคุยโทรศัพท์กับท่าน...
โปรดยิ้มให้กว้างๆและยิ้มบ่อยๆ...แม้ท่านจะมองไม่เห็น..แต่ท่านจะรู้สึกได้...... คำว่าอนาคตที่สวยงามที่เราบอกไปในตอนแรก เราขอขยายความว่า

มันคือ อนาคต ที่คุณและ พ่อแม่คุณ จะได้มีความรักความเข้าใจต่อกันมากๆ....มากกว่าที่คุณเคยคิดว่าคุณจะมีให้ท่านได้


ขอให้ทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้
เป็นลูกที่ดี
มีอนาคตที่ดี
เพื่อคุณพ่อและแม่ค่ะ


gillette shaver presto



ข้อคิด คำคม ว วชิรเมธี

ชวนคิดชวนคิด--->
แก้วที่คว่ำอยู่กลางสายฝน ต่อให้ฝนตกกระหน่ำทั้งคืน
ก็ไม่อาจเต็มไปด้วยน้ำ คนที่ไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้
ต่อให้คลุกคลีอยู่กับนักปราชญ์ทั้งคืนทั้งวัน ก็ยังโง่เท่าเดิม
วชิรเมธี

นัยอันล้ำลึกของคำว่า "ขอบคุณ"


ขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้วิธีลุกขึ้นสู้
ขอบคุณความยากจน ที่ทำให้เป็นคนมุมานะ
ขอบคุณความล้มเหลว ที่ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ

ขอบคุณความผิดพลาด ที่ทำให้ฉลาดยิ่งกว่าเดิม
ขอบคุณความริษยา ที่ทำให้กล้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่
ขอบคุณคำวิพากษ์วิจารณ์ ที่ทำให้ผลิบานอย่างไร้ข้อตำหนิ

ขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้จักครูที่ชื่อประสบการณ์
ขอบคุณความผิดหวัง ที่ทำให้ตั้งสติเพื่อลุกขึ้นมาใหม่
ขอบคุณศัตรูที่แกร่งกล้า ที่ทำให้รู้ว่าเรายังไม่ใช่มืออาชีพ

ขอบคุณมหกรรมคอรัปชั่น ที่ทำให้เราอยากสร้างสรรค์การเมืองใหม่
ขอบคุณความป่วยไข้ ที่ทำให้เราตั้งใจดูแลสุขภาพ
ขอบคุณความทุกข์ที่ ทำให้เรารู้ว่าความสุขมีค่าแค่ไหน

ขอบคุณความพลัดพราก ที่ทำให้เราสละจากความยึดมั่น ถือมั่น
ขอบคุณเพลิงกิเลส ที่ทำให้เรามีเหตุอยากถึงพระนิพพาน
ขอบคุณความตาย ที่ทำให้ฉากสุดท้ายของชีวิตสมบูรณ์แบบ
เจริญพร
ว วชิรเมธี
สาธุสาธุสาธุ

ขอให้ทุกท่านมีแต่ความสุขจากธรรมะ ของท่าน ว. นะครับ

gillette coats goodastore

วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ซ้อสจากเส้นผม

สวัสดีครับ วันนี้มีเรื่องมาเล่าให้ฟัง 2 เรื่อง นะครับ
เรื่องแรก ก็อาม่ากุ้ยช่าย ฟังดูน่ากันนะครับ แต่เรื่องที่ 2นี่ซิ ฟังแล้ว กินไม่ลงเลย ลองอ่านดูนะครับ

คุณแม่บ้านที่ใช้ซอสถั่วเหลืองเป็นส่วนประกอบในอาหารต้องระวังนะคะ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้มีการตรวจพบสารเมลานีนในนมใช่มั้ยคะ

คราว นี้ก็ถึงตาเจ้าซอสถั่วเหลืองบ้างแล้วค่ะแต่ยังไม่มีการกระจายข่าวมากนัก คือ มีผู้ค้นพบว่าซอสถั่วเหลืองที ่ใช้ๆ กันอยู่น่ะทำมาจากเส้นผม อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ ทำจากเส้นผมจริงๆ ผมคนเรานี่ล่ะ ถ้าไม่เชื่อลองไปหาอ่านจากหนังสือ Halal Insight ของศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ค่ะ


นอก จากเส้นผมแล้ว ขนรักแร้ ขนหน้าแข้ง ขนอะไรที่ขึ้นตามร่างกายนำไปทำได้ทั้งนั้น ( อ่านถึงตรงนี้อย่าเพิ่งอ้วกนะคะเดี๋ยวหน้าจอเลอะค่ะ..หุหุ) ที่ประเทศจีนเค้าใช้เส้นผมหรือขนต่างๆ แทนถั่วเหลืองเพราะว่ามีสารประกอบของโปรตีนรวมอยู่เยอะ ที่สำคัญถั่วเหลืองแพงค่ะ เลยมีคนหัวใสคิดหาวัตถุดิบ อื่นที่มีคุณค่าทางอาหารใกล้เคียงกันมาใช้


ผู้ สื่อข่าวจาก CCTV ของจีนได้แฝงตัวเข้าไปทำข่าวในโรงงานผลิตซอสชื่อ Hongshuai ตั้ง อยู่ที่มณฑลหูเป่ย วิธีการผลิตของเค้า คือ ไปเก็บเส้นผมมาจากที่ต่างๆ เช่น ร้านตัดผม ถังขยะ โรงพยาบาล โดยเฉพาะในโรงพยาบาลถือเป็นแหล่งใหญ่ในการหาเส้นผมเลย เพราะมีคนไข้มากมายที่มารักษาแล้วต้องโกนหัวก่อนรักษา เช่น คนเจ็บที่หัวแบะมาก็ต้องโกนหัวก่อนรักษา


เมื่อ เก็บมาได้แล้วก็คัดแยก ขยะอื่นๆ ที่ปนมาทิ้งไป เช่น ผ้าพันแผล พลาสเตอร์ สำลี เข็มฉีดยา ผ้าอนามัย และขยะอื่นๆ อีกมากมาย พอคัดแยกเสร็จก็เอาเส้นผมมาทำความสะอาด ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วเอามาทำเป็นน้ำเชื่อมกรดอะมิโนเพื่อไปหมักทำซอสต่อไป


เมื่อ หมักซอสได้ที่แล้วก็ส่งขายมาให้คุณๆ ใช้เหยาะใส่ไข่ดาว อาหารอื่นๆ เพื่อเพิ่มรสชาติให้อร่อยขึ้นค่ะ



นอก จากเส้นผมจะเป็นแหล่งโปรตีน แล้วคนที่นั่นยังบอกอีกว่า " ขนบางแห่งอาจอุดมไปด้วยโปรตีนนะครับ เพราะมีเส้นขนาดใหญ่และหงิกงอเป็นพิเศษ แสดงว่ามีโปรตีนสูง " ( เอ่อ..ยืนยันกันขนาดนี้เลยหรอเนี่ย =..=)


เป็นไงครับ ไม่อยากกินซ้อสถั่วเหลืองเลยหรือเปล่า ผมว่าของไทยเราคงไม่ถึงขนาดนั้นนะครับ บทความนี้ มีที่มาจาก คู่สร้างคู่สมนะครับ

seiko coats hasbro

อาม่ากุ้ยช่าย

สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับเข้าสู่ บล็อค บอกต่อ(borgtor) บล้อคที่จะนำเรื่องราวดี ๆ ต่าง ๆ ที่เพื่อน ๆ ได้ส่งมาให้อ่าน เอามาเผยแพร่ ให้ทุกท่านได้อ่านกัน วันนี้ จะไม่เขียนมาก ลองอ่านกันนะครับ

ถึงเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคน

ฉันเคยได้รับ
mail เรื่อง คนชราขายกระเพาะปลาอยู่ที่แถวซอยพัฒน์พงษ์ แล้วหลังจากนั้นเวลาเดินผ่านตรงนั้นก็เห็นสองตายายขายดีขึ้น เลยคิดว่ามันน่าจะช่วยอาม่าคนนี้ได้บ้าง....อาม่าคนนี้ขายขนมกุ้ยช่ายและ ก๋วยเตี๋ยวหลอดอยู่ในซอยละลายทรัพย์ ถนนสีลม (ซอย 5 น่ะ) ทุกเช้า ถ้าฉันมาทำงานสายหน่อย ขับรถมาก็จะเห็นภาพเศร้าๆ.....อาม่าลากรถเข็นจากถนนสวนพลู ข้ามถนนสาทร ซึ่งเป็นถนนที่กว้างมากๆ สำหรับคนแก่ ......ลาก มาเรื่อยๆ ....บางวันเห็นใส่หมวกสานแหลมๆ ไว้กันแดด.....มาขายที่ซอยละลายทรัพย์ .....เคยจอดรถทำเป็นเนียน ซื้อกุ้ยช่าย แล้วชวนแกนั่งรถมาด้วยกัน เพราะที่ทำงานอยู่ไม่ไกลจากที่แกขายของ แกยิ้มแย้มขอบคุณเสียงดังฟังชัด....แต่ไม่ยอมมาด้วย .... ตอนบ่ายแก่ๆ ก็เห็นลากกลับอยู่คนเดียว เหงามั้ยน้า....

เคย มาทำงานวันเสาร์ มารถไฟฟ้า มองลงมาจากสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี ก็เห็นแกนั่งขายอยู่หน้าเซเว่นริมถนนนราธิวาสอีก...อะไรว้า ทำงานทุกวันเลยรึ


สรุป
จันทร์ถึงศุกร์ ขายในซอยละลายทรัพย์ เดินตรงมาเรื่อยๆ จนใกล้จะถึงวิลล่าซุปเปอร์มาร์เก็ต มองเรี่ยๆ พื้นไว้นะ แกนั่งขายอยู่ทางซ้ายมือค่ะ
วันเสาร์ขายอยู่หน้าเซเว่น ตรงแถวถนนนราธิวาสฯ แถวนั้นมีแมคโดนัลด์ด้วย มองลงมาจากสถานีช่องนนทรี...จะเห็นได้โดยไม่ต้องพึ่งกล้องส่องทางไกล

อยาก ให้เมล์นี้ผ่านตาคนเยอะๆ ให้เยอะที่สุด สำหรับใครก็ได้ที่จะมีโอกาสมาเดินละลายทรัพย์ ถ้านึกได้ .... ให้แวะช่วยซื้อขนมของอาม่าด้วย คนละนิด...ถ้าไม่กินเองก็ซื้อเอาไปฝากคนอื่นก็ได้ ฝากเพื่อน....พี่น้อง....พ่อแม่....ฝากแม่บ้าน...ฝากรปภ.ที่ออฟฟิศ ช่วยคนแก่ให้มีกำลังใจหน่อยนะ


ขอบคุณแทนแกด้วย


แมว

13/11/2551


คุณยายลากรถเข็นหม้อกุ้ยช่ายมาจากถนนสวนพลู








อาม่าบอกว่าอย่าถ่ายเลย แต่งตัวไม่สวย


มีขายขนมกุ้ยช่าย มีใส้เผือก, ใส้มันแกวด้วย แล้วก็ก๋วยเตี๋ยวหลอด


วางขายอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ข้างร้านขนม, กระเป๋า...ที่มองเห็นขวาสุดด้านบนคือวิลล่าซุปเปอร์มาร์เก็ต ในซอยละลายทรัพย์


ให้สังเกตุตู้เอทีเอ็มก็ได้ค่ะ ถัดจากตู้นี้ก็เป็นรมย์รวินท์คลีนิค ตรงข้ามก็คือวิลล่า ซุปเปอร์มาร์เก็ต

ช่วยกันคนละนิดเท่านั้นค่ะ....เป็นกำลังใจให้แก


อ่านแล้วก็หวังว่า หลาย ๆ ท่าน ที่ได้ผ่านไปแถว ๆ นั้น ช่วยอุดหนุนอาม่ากันหน่อยนะครับ และก็ ขอบคุณความเอื้ออารี ของคุณแม้วมากนะครับ ที่นำเอาเรื่องนี้มาบอกต่อกันครับ

coats daiel silva book hasbro game